top of page

การเปลี่ยนแปลงของเปลือกโลก

ภูมิลักษณ์ต่างๆ บนผิวโลกเกิดการเปลี่ยนแปลงทางธรณีวิทยาต่างๆ ได้แก่

1. การผุพังอยู่กับที่

2. การกร่อน

3. การพัดพาและการทับถม

4. การตกผลึก

         

การผุพังอยู่กับที่

         เป็นกระบวนการที่วัสดุผุพังแล้วสลายออกเป็นชิ้นเล็กๆ และมีการเปลี่ยนแปลงขนาดและองค์ประกอบทางเคมี

 

ปัจจัยทางกายภาพ

          ชั้นหินที่มีรอยแยกซึ่งมีน้ำแทรกอยู่ เมื่ออุณหภูมิต่ำลง น้ำจะกลายเป็นน้ำแข็งไปดันให้รอยแยกขยายตัวมากขึ้น ทำให้ชั้นหินที่อยู่ด้านข้างแตก และเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้นน้ำแข็งจะละลายกลายเป็นน้ำเข้าไปแทรกตามรอยแยกใหม่ ซึ่งเมื่อน้ำแข็งตัวอีกครั้ง ก็จะดันให้รอยแยกขยายออกและเกิดรอยแตกเพิ่มมากขึ้น

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ปัจจัยทางเคมี

         ฝนกรดที่มีกรดคาร์บอนิกปะปนอยู่ เมื่อไปตกบริเวณภูเขาที่เป็นหินปูน ซึ่งมีแคลเซียมคาร์บอเนตอยู่ กรดคาร์บอนิกจะทำปฏิกิริยากับแคลเซียมคาร์บอเนต เกิดเป็นแคลเซียมไฮโดรเจนคาร์บอเนต ส่งผลให้หินปูนกร่อนลงไปเรื่อยๆ และแคลเซียมไฮโดรเจนคาร์บอเนตจะไหลซึมไปตามผนังถ้ำพร้อมกับน้ำ และไหลย้อยลงตามช่องของผนังถ้ำ ทำให้เกิดหินงอกหินย้อย

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ปัจจัยทางชีวภาพ

        รากพืชที่ชอนไชในรอยแตกของหิน เมื่อพืชเจริญเติบโต รากพืชก็จะเจริญเติบโตด้วย และทำให้หินแตก
เป็นชั้นๆ สาหร่ายที่ขึ้นบนชั้นหินก็สามารถเร่งการผุพังของหินให้เร็วขึ้นได้

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

การกร่อน

         เป็นกระบวนการที่ทำให้เปลือกโลก หิน ดิน และทราย หลุดออกไปโดยการกร่อนตัวหรือพังทลายเกิดจากตัวการทางธรรมชาติ ได้แก่ ฝน ลำธาร แม่น้ำ ธารน้ำแข็ง คลื่น ลม และแสงแดดตัวอย่างเช่น ละลุ จังหวัดสระแก้ว เสาเฉลียง จังหวัดอุบลราชธานี 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

การพัดพาและทับถม

           เกิดจาก 2 สาเหตุใหญ่ คือ เกิดจากกระแสลมและเกิดจากน้ำการพัดพาและทับถมที่เกิดจากกระแสลม ส่วนมากจะเกิดบริเวณที่ราบสูง บนภูเขาสูง ทะเลทราย การพัดพาและทับถมที่เกิดจากน้ำ เช่น เกิดเป็นดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำ เกิดเป็นตะกอนรูปพัด

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

การตกผลึก

         เป็นกระบวนการที่สารเปลี่ยนสถานะจากของเหลวหรือไอกลายเป็นของแข็ง  เช่น หินงอกหินย้อยในถ้ำ ผลึกน้ำแข็ง เป็นต้น การตกผลึกมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของแผ่นเปลือกโลก เช่น  เมื่อมีน้ำที่มีแร่ธาตุละลายอยู่อย่างเข้มข้นขังตัวอยู่ตามรอยแยกของหิน เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น น้ำจะเกิดการระเหยไป แร่ธาตุในน้ำจึงเกิดการตกผลึกเป็นของแข็ง ซึ่งจะดันให้หินเกิดรอยแยกมากขึ้น

 

 

 

 

 

 

 

 

 

bottom of page